ฤดูฝนมาเยือน หลายคนอาจคิดว่าเมฆครึ้มที่ปกคลุมท้องฟ้าจะช่วยป้องกันแสงแดดและรังสี UV ได้ ทำให้ละเลยการทากันแดดไป ซึ่งความเข้าใจผิดนี้อาจนำมาซึ่งอันตรายต่อผิวหนังที่คุณคาดไม่ถึง เพราะแท้จริงแล้ว แม้เมฆฝนจะช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้ แต่รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นอันตรายต่อผิวกลับสามารถทะลุผ่านเมฆลงมาทำร้ายผิวได้เสมอ โดยเฉพาะรังสี UVA ที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังในระยะยาว
รังสี UV ตัวการร้ายที่มองไม่เห็น
รังสี UV ตัวการร้ายที่มองไม่เห็น ทำให้หลายคนเลือกมองข้ามการทาผลิตภัณฑ์ป้องกันในวันที่ไม่มีแดด เพราะคิดว่าในวันที่ฟ้าครึ้มไม่เห็นแสงแดด ไม่เป็นอันตราย แต่ความจริงแล้วตัวการร้ายที่ทำลายผิวของเรา คือ รังสี UV ที่มองไม่เห็นต่างหาก แม้ในวันที่ไร้แสงแดดรังสี UV ก็ยังคงมีอยู่ ทำให้เราไม่สามารถละเลยการป้องกันได้ ซึ่งรังสี UV แบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่
- รังสี UVA (Ultraviolet A) เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นยาวที่สุด สามารถทะลุผ่านกระจกและเมฆได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ เป็นสาเหตุหลักของผิวหมองคล้ำ ริ้วรอยก่อนวัย ผิวหย่อนคล้อย และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง
- รังสี UVB (Ultraviolet B) เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่า UVA ทำร้ายผิวชั้นนอก ทำให้ผิวไหม้แดด แดง แสบ และเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งผิวหนัง
- รังสี UVC (Ultraviolet C) เป็นรังสีที่มีอันตรายที่สุด แต่ส่วนใหญ่จะถูกดูดซับโดยชั้นโอโซนในบรรยากาศก่อนที่จะมาถึงพื้นโลก
เหตุผลที่ไม่ควรละเลยการทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดในหน้าฝน
เหตุผลที่ไม่ควรละเลยการทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดในหน้าฝน แม้ในวันที่เมฆมาก รังสี UVA ก็ยังคงสามารถทะลุผ่านก้อนเมฆได้ถึง 80% ซึ่งหมายความว่าแม้จะรู้สึกว่าแสงแดดไม่แรง หรือฝนกำลังจะตก ก็ยังคงต้องเผชิญกับรังสี UV ที่เป็นอันตรายอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น หยดน้ำฝนยังสามารถทำหน้าที่เป็นเลนส์รวมแสง ทำให้รังสี UV เข้มข้นขึ้นและทำร้ายผิวได้มากขึ้นอีกด้วย
เลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแดดอย่างไรให้เหมาะกับหน้าฝน
เลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแดดให้เหมาะกับหน้าฝนที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มั่นใจว่าผิวของคุณได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้
- ค่า SPF สูงพอสมควร เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันรังสี UVB
- ค่า PA สูง มองหาเครื่องหมาย PA+++ หรือ PA++++ เพื่อการปกป้องรังสี UVA ที่ดีที่สุด ยิ่งมีเครื่องหมายบวกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งปกป้องได้ดีขึ้นเท่านั้น
- สูตรกันน้ำและกันเหงื่อ เนื่องจากหน้าฝนมีความชื้นและเหงื่อออกง่าย การเลือกครีมกันแดดสูตรกันน้ำจะช่วยให้การปกป้องคงอยู่ได้นานขึ้น แม้ในวันที่ฝนตกปรอย ๆ หรือเหงื่อออกมาก
- เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อความสบายผิวและไม่รู้สึกหนักหน้าในสภาพอากาศที่ชื้น
- เหมาะกับสภาพผิว หากคุณมีผิวมัน เลือกสูตร Oil-Free หรือเนื้อเจลหรือน้ำ หากผิวแห้ง เลือกสูตรที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์
กันแดดที่ดีต้อง ลอรีอัล ปารีส
กันแดดที่ดีต้อง ลอรีอัล ปารีส เพราะคิดค้นมาเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวีอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับฤดูฝนที่อยากแนะนำมีด้วยกัน 2 ผลิตภัณฑ์ดังนี้
ยูวีดีเฟนเดอร์ L'OREAL PARIS SUN REPAIR INVISIBLE SERUM SPF50+ PA++++
ยูวีดีเฟนเดอร์ L'OREAL PARIS SUN REPAIR INVISIBLE SERUM SPF50+ PA++++
มาในรูปแบบเซรั่มเนื้อบางเบา มอบการปกป้องสูงสุดด้วย SPF50+ PA++++ รวมทั้งปกป้องสัญญาณริ้วรอยก่อนวัยที่เกิดจากแสงแดด เช่น จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ และ เส้นริ้วรอย
ยูวีดีเฟนเดอร์ อินวิซิเบิ้ล รีซิส
ยูวีดีเฟนเดอร์ อินวิซิเบิ้ล รีซิส
เนื้อเซรั่มสูตรบางเบาเสมือนไม่ได้ทา ไม่อุดตันผิว แต่มอบพลังปกป้องคูณสามยูวี ดีเฟนเดอร์ อินวิซิเบิ้ล รีซิส เดลี่ ซันสกรีน เอสพีเอฟ 50+ อีกทั้งยังสามารถกันน้ำ ทนเหงื่อ และ ปกป้องผิวจากมลภาวะ และ ฝุ่นควัน ได้
อย่าให้เมฆฝนทำให้คุณประมาทกับการดูแลผิว เพราะรังสี UV เป็นภัยเงียบที่มองไม่เห็น แต่ส่งผลกระทบต่อผิวได้อย่างร้ายแรง การทาผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจึงไม่ใช่แค่เรื่องของฤดูร้อน แต่เป็นเรื่องของการดูแลผิวให้มีสุขภาพดีและห่างไกลจากปัญหาในระยะยาว ไม่ว่าฤดูไหน ๆ ก็อย่าละเลยการทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด เพื่อผิวที่แข็งแรงและสวยงาม